มาสวัสดีก่อนครับ
สวัสดีครับ คุณ ดอกไม้ โมเดลอันนี้ เป็นการจำลอง Boom Bust โมเดลของ จอร์จ โซรอส ออกมาเป็น คณิตศาสตร์และกราฟครับ ซึ่งกลไกเศรษฐกิจมหาภาคของแต่ล่ะประเทศจะมีระดับการรองรับเงินทุนที่ไม่เท่ากัน ซึ่งของไทยจะรองรับเงินทุนได้มากที่สุดราวๆ 600 point ดังนั้นหากตลาดไม่มีการชะลอการนำเข้าของเม็ดเงินฝรั่ง เนี่ยจะทำให้กลไกของระบบรับไม่ไหวแล้วแตกได้ครับ ดังนั้น การที่ฝรั่งใส่เงินมาเรื่อยๆนั้นก็จะกลายเป็นสิ่งเลวร้ายต่อกลไกในทันที จากข่าวดีก็จะกลายเป็นข่าวร้ายได้เลยลักษณะโมเดลแบบนี้ในวงการเค้าจะเรียกกันว่า Macro Model เป็นโมเดลที่ใช้วัดเครื่องจักรกลไกของเศรษฐกิจในระดับ มหภาคของแต่ล่ะประเทศนั้นๆครับ :)
สวัสดีครับขอบคุณมากครับคุณมัดครับ อย่างนี้ เราสามารถดูดซับเม็ดเงิน ออกจากระบบได้ไหมครับ เอามันออกไปไว้ที่อื่นสักที่ ที่ไม่ใช้สินทรัพย์เงินบาท (อาจจะเน้นไปทางพันธบัตรหรืออสังหา กรรมสิทธิ์ อะไรที่มีมูลค่าเติบโตตามเวลาและมีอยู่อย่างจำกัด) ประมาณว่าพี่ฝรั่งใส่เงินมาเท่า เราก็ดูดซับและหาทางระบายออกไป ระบบกลไก ศก. มันก็ไม่น่าจะล่มแต่ในแง่ปฏิบัติไอ้ตอนดูดซับนี่น่าจะทำได้ แต่พอจะระบายออกไปนอกประเทศ(ที่ไม่ใช่เงินบาท) จะมีทางไหมครับขอโทษล่วงหน้านะครับ หากที่ผมพูดไปมันดูมั่วๆ เพ้อเจ้อ
กราฟ mudley thai macro indicator เป็นตัวเลขอะไรเหรอครับ ไม่ใช่ GDP ใช่ไหมครับ
พี่มัดมีอาวุธเยอะจริงๆ พวกผมก็เลยพลอยได้เปิดหูเปิดตาไปด้วย ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ คุณ one ระบบการเงินของแต่ล่ะประเทศจะเป็นเหมือนเครื่องจักรเครื่องหนึ่งซึ่งมีโครงสร้างออกแบบมาไม่เหมือนกัน ที่บ้านเรารองรับได้ไม่มากนัก ก็เพราะเรายังไม่มีการวางโครงสร้างทางการเงินตั้งแต่เริ่มแรกครับ ถ้าพูดให้เห็นภาพก็เปรียบเสมือนประเทศที่มีการการวางผังเมืองครับ การจะขยับขยายต่อยอดเมืองในอนาคตก็ทำได้ง่ายและสะดวกกว่าประเทศที่วางแผนเฉพาะหน้าอย่างเดียวมากเรื่องของความสามารถของกลไกของระบบการเงินทุนนิยมนั้นมีผู้ซึ่งมองออกแล้วเขียนเผยแพร่มาแต่แรกแล้วคือ คาร์ล มาร์ก ครับ แต่เนื่องโดยนายทุนไม่อยากให้แนวคิดของมาร์กได้รับความนิยมจึงเอาเรื่องของคอมมิวนิสต์มาอ้างครับ แต่จริงๆแล้วตัวมาร์กเองนั้นศึกษาระบบทุนนิยมมานานกว่าตัวอดัม สมิธเองเสียอีก ถัดมาคือโซรอสครับ เมื่อได้อ่านหนังสือของโซรอสจะเห็นได้ว่ามุมมอง macro นั้นเหมือนของมาร์กมาก ทั้งแนวคิดและหลายๆอย่างสอดคล้องไปในทางเดียวกัน ส่วนสมการแนวคิดของ macro model นั้นจะอยู่ในหนังสือ Alchemy of finance ของแกครับต่อมาผู้ที่สามารถจับเอารุปธรรมแบบนี้ออกมาในรุป Macro คณิตศาสตร์ที่สามารถจับต้องและประมาณการณ์ระบบได้ก็คือ James Harris Simons ตอบคุณ Tea ครับสำหรับตัวเลขพวกนี้ถ้าเปิดหนังสือ Alcamy of finance ก็จะเจอแนวคิดครับ ซึ่งเขียนอธิบายในนี้ได้ไม่หมด :)
ขอบคุณมากครับผมขอถามคุณมัดหน่อยนะครับ1.ผมไม่ค่อยเข้าใจวิธีขยายโซนคลุมทุกราคา ในLV.2ของ KZM ครับ2.Virus trading เป็นอย่างไรครับ ผมไปดูในคลับอิสระภาพทางการเงินสินธร ไม่เจอครับ3.เราสามารถใช้KZM กับหุ้นได้ใหมครับ โดยหาหุ้นที่มี ความสัมพันธ์แบบตรงข้ามกัน (แต่เรื่องเวลาอาจจะไม่สัมพันธ์กันโดยสมบูรณ์)4.ใน KZM กองกำลัง Aเหมือนทหารที่รักษาดินแดน กองกำลังB เหมือนกองเสริม เพื่อหาประโยชน์ จากในวัน(ผมสงสัยตอนออกนี้ล่ะครับ ต้องออกในวันหรือข้ามวันได้ครับ) กองกำลัง C เหมือนหน่วยรบพิเศษหรือเปล่าครับ คือเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน กองกำลังD เหมือนหน่วยจู่โจมพิเศษ เคลื่อนที่เร็ว ตีเร็วถอนเร็ว (อุปมาอุปไม ไปไปมามา เดี่ยวมั่วผมชักงงเอง) 5.ระบบKZM ของแต่ละคนที่นำไปใช้ ผลจะออกมาแตกต่างกัน เนื่องมาจาก การใช้กองกำลังCและD ของแต่ละคนต่างกันไปตามความถนัดในการหาจังหวะเข้าออก ใช่ใหมครับ6.เป็นไปได้ไหมครับว่า เราน่าจะอ่านพฤติกรรม แต่ละกลุ่ม ที่เข้ามาเทรดหุ้นในตัวหนึ่งๆ ได้จาก ราคา+ ค่าเฉลี่ยเคลื่อน + ปริมาณ เพื่อหา นัยสำคัญ พฤติกรรมการเคลื่อนไหว ของแต่ละกลุ่มว่าเค้ากำลังทำอะไรอยู่(กลุ่มขาใหญ่ กลุ่มแม่งเม่า กลุ่มVI เป็นต้น)คงไม่ว่านะครับ ผมยังอ่านKZMอยู่เลย พยายามเข้าใจ จะได้เขียนเป็นเงื่อนไขเทรดให้ชัดเจนเฉพาะตัวไปเลย ตอนนี้ยัง งงๆ เลยยังเขียนให้ชัดเจนไม่ได้ เลยยังเทรดไม่ได้ครับ รอสักพักเคลียร์หมดเขียนเป็นกระบวนการขั้นตอนได้ ก็จะลุย ว่างๆ ค่อยตอบครับ ขอบคุณมากครับ
อยากทราบว่า หนังสือเรื่องsoros on soros น่าอ่านไหมครับเทียบกับเรื่อง Alchemy แล้ว มีเรื่องใหม่ไหมครับ
เหตุการณ์สองวันนี้ ได้ช่วยเพิ่ม reliablity ของโมเดลนี้ ขึ้นไปอีก
ใช่ ใช่ ครับ ผมเห็นด้วยกับคุณ 1001
ขอบคุณฮ่ะ
Post a Comment
12 comments:
มาสวัสดีก่อนครับ
สวัสดีครับ คุณ ดอกไม้ โมเดลอันนี้ เป็นการจำลอง Boom Bust โมเดลของ จอร์จ โซรอส ออกมาเป็น คณิตศาสตร์และกราฟครับ
ซึ่งกลไกเศรษฐกิจมหาภาคของแต่ล่ะประเทศจะมีระดับการรองรับเงินทุนที่ไม่เท่ากัน ซึ่งของไทยจะรองรับเงินทุนได้มากที่สุดราวๆ 600 point ดังนั้นหากตลาดไม่มีการชะลอการนำเข้าของเม็ดเงินฝรั่ง เนี่ยจะทำให้กลไกของระบบรับไม่ไหวแล้วแตกได้ครับ ดังนั้น การที่ฝรั่งใส่เงินมาเรื่อยๆนั้นก็จะกลายเป็นสิ่งเลวร้ายต่อกลไกในทันที จากข่าวดีก็จะกลายเป็นข่าวร้ายได้เลย
ลักษณะโมเดลแบบนี้ในวงการเค้าจะเรียกกันว่า Macro Model เป็นโมเดลที่ใช้วัดเครื่องจักรกลไกของเศรษฐกิจในระดับ มหภาคของแต่ล่ะประเทศนั้นๆครับ :)
สวัสดีครับ
ขอบคุณมากครับ
คุณมัดครับ
อย่างนี้ เราสามารถดูดซับเม็ดเงิน ออกจากระบบได้ไหมครับ เอามันออกไปไว้ที่อื่นสักที่ ที่ไม่ใช้สินทรัพย์เงินบาท (อาจจะเน้นไปทางพันธบัตรหรืออสังหา กรรมสิทธิ์ อะไรที่มีมูลค่าเติบโตตามเวลาและมีอยู่อย่างจำกัด)
ประมาณว่าพี่ฝรั่งใส่เงินมาเท่า เราก็ดูดซับและหาทางระบายออกไป ระบบกลไก ศก. มันก็ไม่น่าจะล่ม
แต่ในแง่ปฏิบัติไอ้ตอนดูดซับนี่น่าจะทำได้ แต่พอจะระบายออกไปนอกประเทศ(ที่ไม่ใช่เงินบาท) จะมีทางไหมครับ
ขอโทษล่วงหน้านะครับ หากที่ผมพูดไปมันดูมั่วๆ เพ้อเจ้อ
กราฟ mudley thai macro indicator เป็นตัวเลขอะไรเหรอครับ
ไม่ใช่ GDP ใช่ไหมครับ
พี่มัดมีอาวุธเยอะจริงๆ
พวกผมก็เลยพลอยได้เปิดหูเปิดตาไปด้วย
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ คุณ one ระบบการเงินของแต่ล่ะประเทศจะเป็นเหมือนเครื่องจักรเครื่องหนึ่งซึ่งมีโครงสร้างออกแบบมาไม่เหมือนกัน ที่บ้านเรารองรับได้ไม่มากนัก ก็เพราะเรายังไม่มีการวางโครงสร้างทางการเงินตั้งแต่เริ่มแรกครับ ถ้าพูดให้เห็นภาพก็เปรียบเสมือนประเทศที่มีการการวางผังเมืองครับ การจะขยับขยายต่อยอดเมืองในอนาคตก็ทำได้ง่ายและสะดวกกว่าประเทศที่วางแผนเฉพาะหน้าอย่างเดียวมาก
เรื่องของความสามารถของกลไกของระบบการเงินทุนนิยมนั้นมีผู้ซึ่งมองออกแล้วเขียนเผยแพร่มาแต่แรกแล้วคือ คาร์ล มาร์ก ครับ แต่เนื่องโดยนายทุนไม่อยากให้แนวคิดของมาร์กได้รับความนิยมจึงเอาเรื่องของคอมมิวนิสต์มาอ้างครับ แต่จริงๆแล้วตัวมาร์กเองนั้นศึกษาระบบทุนนิยมมานานกว่าตัวอดัม สมิธเองเสียอีก
ถัดมาคือโซรอสครับ เมื่อได้อ่านหนังสือของโซรอสจะเห็นได้ว่ามุมมอง macro นั้นเหมือนของมาร์กมาก ทั้งแนวคิดและหลายๆอย่างสอดคล้องไปในทางเดียวกัน ส่วนสมการแนวคิดของ macro model นั้นจะอยู่ในหนังสือ Alchemy of finance ของแกครับ
ต่อมาผู้ที่สามารถจับเอารุปธรรมแบบนี้ออกมาในรุป Macro คณิตศาสตร์ที่สามารถจับต้องและประมาณการณ์ระบบได้ก็คือ James Harris Simons
ตอบคุณ Tea ครับ
สำหรับตัวเลขพวกนี้ถ้าเปิดหนังสือ Alcamy of finance ก็จะเจอแนวคิดครับ ซึ่งเขียนอธิบายในนี้ได้ไม่หมด :)
ขอบคุณมากครับ
ผมขอถามคุณมัดหน่อยนะครับ
1.ผมไม่ค่อยเข้าใจวิธีขยายโซนคลุมทุกราคา ในLV.2ของ KZM ครับ
2.Virus trading เป็นอย่างไรครับ ผมไปดูในคลับอิสระภาพทางการเงินสินธร ไม่เจอครับ
3.เราสามารถใช้KZM กับหุ้นได้ใหมครับ โดยหาหุ้นที่มี ความสัมพันธ์แบบตรงข้ามกัน (แต่เรื่องเวลาอาจจะไม่สัมพันธ์กันโดยสมบูรณ์)
4.ใน KZM กองกำลัง Aเหมือนทหารที่รักษาดินแดน
กองกำลังB เหมือนกองเสริม เพื่อหาประโยชน์ จากในวัน(ผมสงสัยตอนออกนี้ล่ะครับ ต้องออกในวันหรือข้ามวันได้ครับ)
กองกำลัง C เหมือนหน่วยรบพิเศษหรือเปล่าครับ คือเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
กองกำลังD เหมือนหน่วยจู่โจมพิเศษ เคลื่อนที่เร็ว ตีเร็วถอนเร็ว
(อุปมาอุปไม ไปไปมามา เดี่ยวมั่วผมชักงงเอง)
5.ระบบKZM ของแต่ละคนที่นำไปใช้ ผลจะออกมาแตกต่างกัน เนื่องมาจาก การใช้กองกำลังCและD ของแต่ละคนต่างกันไปตามความถนัดในการหาจังหวะเข้าออก ใช่ใหมครับ
6.เป็นไปได้ไหมครับว่า เราน่าจะอ่านพฤติกรรม แต่ละกลุ่ม ที่เข้ามาเทรดหุ้นในตัวหนึ่งๆ ได้จาก ราคา+ ค่าเฉลี่ยเคลื่อน + ปริมาณ เพื่อหา นัยสำคัญ พฤติกรรมการเคลื่อนไหว ของแต่ละกลุ่มว่าเค้ากำลังทำอะไรอยู่(กลุ่มขาใหญ่ กลุ่มแม่งเม่า กลุ่มVI เป็นต้น)
คงไม่ว่านะครับ ผมยังอ่านKZMอยู่เลย พยายามเข้าใจ จะได้เขียนเป็นเงื่อนไขเทรดให้ชัดเจนเฉพาะตัวไปเลย ตอนนี้ยัง งงๆ เลยยังเขียนให้ชัดเจนไม่ได้ เลยยังเทรดไม่ได้ครับ
รอสักพักเคลียร์หมดเขียนเป็นกระบวนการขั้นตอนได้ ก็จะลุย
ว่างๆ ค่อยตอบครับ ขอบคุณมากครับ
อยากทราบว่า หนังสือเรื่อง
soros on soros
น่าอ่านไหมครับ
เทียบกับเรื่อง Alchemy แล้ว มีเรื่องใหม่ไหมครับ
เหตุการณ์สองวันนี้ ได้ช่วยเพิ่ม reliablity ของโมเดลนี้ ขึ้นไปอีก
ใช่ ใช่ ครับ ผมเห็นด้วยกับคุณ 1001
ขอบคุณฮ่ะ
Post a Comment